เบน ไวท์ กองหลังจอมแกร่งของ อาร์เซนอล ออกมายอมรับว่าประตูสุดท้ายที่เขายิงได้ในเกมพรีเมียร์ลีก ที่ทีมเอาชนะ เชลซี ขาดลอย 5-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจให้เกิดขึ้นแต่อย่างใด แนวรับวัย 26 ปี ทำได้ถึง 2 ประตูในเกมดังกล่าว โดยลูกที่สองเกิดจากจังหวะเซตพีซสุดสวยงาม ก่อนที่ ไวท์ จะซัดด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเสียบมุมเข้าไปอย่างเฉียบขาด แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการเปิดมากกว่ายิง ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นอุบัติเหตุไม่ได้เจตนา
“ผมคิดว่าตัวเองตกใจเหมือนกันตอนเห็นบอลพุ่งเข้าประตู มันเป็นจังหวะส่งบอลที่สุดยอดมากๆ จาก มาร์ติน เออเดการ์ด และผมก็ดันมีดวงด้วยในจังหวะนั้น จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะเปิด แต่กลับกลายเป็นยิงเข้าไปซะงั้น แต่สุดท้ายเราก็ได้ 3 แต้ม และยิงไป 5 ลูก”
“พวกเรารู้ดีว่าเราต้องการอะไรในซีซั่นนี้ ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน ทุ่มเทเพื่อสิ่งเดียวกัน การลงเล่นเกมดาร์บี้แมตช์ มันเป็นเกมสำคัญเสมอ และเราก็ต้องการเก็บชัยชนะทุกนัดที่ลงสนาม” ไวท์ กล่าวทิ้งท้าย
ชัยชนะเหนือ เชลซี นัดนี้ ถือเป็นการคว้าชัยในลอนดอน ดาร์บี้ได้อย่างหวุดหวิด และเป็น 3 แต้มสำคัญที่ทำให้ อาร์เซนอล ทิ้งห่างรองจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกไปเป็น 5 คะแนน ในขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียง 5 นัดสุดท้ายเท่านั้น
การที่ ไวท์ ซัดไป 2 ประตู แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาฝีเท้าในเกมรุกของเขา ที่นอกจากจะเป็นปราการหลังจอมแกร่งแล้ว ตอนนี้ยังสามารถขึ้นไปช่วยทีมในการทำประตูได้อีกด้วย ซึ่งเป็นอาวุธลับที่จะเพิ่มความอันตรายให้กับ “ปืนใหญ่” ในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
หลังจบเกม มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซนอล ก็ได้ออกมาชื่นชมลูกทีมรวมถึง ไวท์ ที่มีสมาธิกับเกมและทุ่มเทอย่างเต็มที่ แม้จะเพิ่งผิดหวังกับการที่ไม่มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดล่าสุดก็ตาม แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพชั้นสูงของเจ้าตัว ที่พร้อมลงสนามเพื่อสโมสรอย่างเต็มที่ในทุกๆ เกม
เบน ไวท์ แนวรับตัวเก่งของ อาร์เซนอล ออกมาเปิดเผยความรู้สึกถึงจังหวะการทำประตูที่ไม่คาดฝัน ในเกมที่ “ปืนใหญ่” ถล่มเอาชนะ เชลซี 5-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวยอมรับว่าลูกยิงในจังหวะสุดท้ายไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจ แต่เป็นผลลัพธ์ของการผสมผสานระหว่างการเซ็ตพีซที่สวยงามและโชคที่เข้าข้าง
กองหลังวัย 26 ปีโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในเกมนี้ โดยทำไปถึง 2 ประตู ทั้งสองลูกเกิดจากการขึ้นมาเสริมเกมรุกในจังหวะเซ็ตพีซ และลูกที่สองซึ่งถูกพูดถึงเป็นอย่างมากนั้นมาจากจังหวะที่ไวท์สับไกด้วยเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษ บอลพุ่งตรงเข้ามุมประตูอย่างเฉียบขาด จนทำให้หลายคนประทับใจไปกับทักษะที่ไวท์แสดงออก แต่เจ้าตัวเปิดเผยว่าเขาไม่ได้ตั้งใจยิงให้บอลเข้าไปขนาดนั้น
“จริง ๆ แล้วจังหวะนั้นผมตั้งใจจะเปิดบอลมากกว่า” ไวท์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พอเห็นบอลเข้าประตู ผมตกใจมาก มันเป็นการส่งที่สุดยอดจาก มาร์ติน เออเดการ์ด ที่ช่วยให้ผมอยู่ในตำแหน่งดี ผมแค่คิดว่าจังหวะนั้นมันเป็นโชคและดวงที่เข้าข้าง แต่ไม่ว่าอย่างไร การทำได้ถึง 5 ประตูกับ 3 แต้มสำคัญก็คือสิ่งที่เราต้องการที่สุดในตอนนี้”
ไวท์ยังพูดถึงความสำคัญของเกมดาร์บี้แมตช์และความมุ่งมั่นของทีมในการล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โดยเสริมว่าทีมทั้งหมดยังคงโฟกัสไปที่เป้าหมายเดียวกัน ทุกคนต้องการชัยชนะทุกนัดที่ลงสนาม โดยเฉพาะในแมตช์ที่มีความสำคัญและเต็มไปด้วยความกดดันอย่างเกมดาร์บี้ ซึ่งการเอาชนะเชลซีได้อย่างขาดลอยครั้งนี้ ถือเป็นหลักฐานว่าทุกคนในทีมทุ่มเทให้กับเป้าหมายดังกล่าว
ชัยชนะเหนือ เชลซี ช่วยให้อาร์เซนอลเก็บ 3 แต้มสำคัญ ทำให้พวกเขาทิ้งห่างอันดับสอง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปถึง 5 คะแนน ขณะที่เหลือเกมการแข่งขันอีกเพียง 5 นัด โอกาสในการคว้าแชมป์ของทีมจึงดูมีความเป็นไปได้สูงขึ้น นอกจากนี้ การที่เบน ไวท์สามารถทำประตูได้ยังสะท้อนถึงการพัฒนาฝีเท้าในเชิงรุกของเขา ที่นอกจากจะทำหน้าที่ป้องกันได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ยังสามารถมีส่วนร่วมในเกมรุกอย่างเป็นผลสำเร็จ เป็นเหมือนอาวุธลับที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอาร์เซนอล
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ออกมาชื่นชมลูกทีมหลังเกม โดยเฉพาะเบน ไวท์ ที่ยังคงมีสมาธิกับการเล่นให้สโมสรอย่างเต็มที่ แม้เจ้าตัวจะพลาดโอกาสในการติดทีมชาติอังกฤษในครั้งล่าสุด แต่เขายังแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความมุ่งมั่นในทุกเกม ซึ่งเป็นสิ่งที่อาร์เตต้าชื่นชมและหวังว่าไวท์จะสามารถสานต่อฟอร์มอันยอดเยี่ยมนี้ไปจนจบฤดูกาล