ซอน เฮือง มิน กองหน้ากัปตันทีม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สโมสรชั้นนำในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่าเขารู้สึกถึงความกดดันพอสมควร ในการต้องก้าวขึ้นมารับบทบาทหัวหอกตัวความหวังหลักของทีม แทนที่ แฮร์รี่ เคน ที่ย้ายไปค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค
ดาวเตะวัย 31 ปี ทีมชาติเกาหลีใต้ กล่าวว่า “ผมคิดว่าทุกคนในทีมอยากจะก้าวขึ้นมาแทนที่ แฮร์รี่ หลังจากที่เขาย้ายออกไป นี่เป็นสิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องทำ เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดกับ สเปอร์ส ด้วยการทำประตูรวม 30 ลูกได้ทุกฤดูกาล”
“แต่ใครล่ะที่จะสามารถรักษาสถิติยิง 30 ประตูให้ สเปอร์ส ได้เหมือนเขา? ผมชอบความท้าทายแบบนี้นะ เพราะเมื่อคุณได้เล่นใน พรีเมียร์ลีก คุณต้องเผชิญความกดดัน เพื่อที่จะได้พัฒนาตัวเองขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น”
ตั้งแต่ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน สโมสรในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี มาอยู่กับ สเปอร์ส เมื่อปี 2015 ซอน ก็กลายเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของ “ไก่เดือยทอง” โดยลงเล่นรวมทุกถ้วยไปแล้ว 402 นัด ยิงได้ถึง 160 ประตู ปัจจุบัน ซอน ยังเหลือสัญญาค้าแข้งในถิ่น ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม ถึงปี 2025 และมีมูลค่าตัวประมาณ 50 ล้านปอนด์ การสูญเสีย เคน ที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรไป ย่อมส่งผลกระทบต่อเกมรุกของ สเปอร์ส อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การที่ ซอน ต้องแบกรับความกดดันในฐานะตัวความหวังหลักคนใหม่แทนรุ่นพี่ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์และฝีเท้าระดับพระกาฬของ ซอน น่าจะช่วยให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในแดนหน้าของทีมได้อย่างไม่ยากเย็น แม้อาจจะทำสถิติไม่ได้เทียบเท่า เคน แต่หากยิงได้มากพอและนำพา สเปอร์ส ประสบความสำเร็จ ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีแล้ว นอกจากนี้ บอร์ดบริหารของ สเปอร์ส คงต้องเร่งหาตัวแทนของ เคน เข้ามาเสริมทัพในแนวรุกด้วย เพื่อแบ่งเบาภาระของ ซอน ไม่ให้ต้องแบกทีมไว้คนเดียว มิเช่นนั้นอาจส่งผลเสียต่อผลงานโดยรวมของทีมในระยะยาวได้
หาก ซอน สามารถเอาชนะความกดดัน ปรับตัวเข้ากับบทบาทใหม่ และรักษามาตรฐานการเล่นเอาไว้ได้ เขาก็มีสิทธิ์ก้าวขึ้นไปเป็นสุดยอดดาวยิงคนใหม่ของ สเปอร์ส ได้ไม่ยาก แถมยังเป็นขวัญใจแฟนบอลที่พร้อมสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่แน่นอน
ซอน เฮือง มิน กองหน้ากัปตันทีมของท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สโมสรชั้นนำในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกกดดันที่ต้องรับบทบาทหัวหอกตัวความหวังหลักของทีม หลังจากการย้ายทีมของ แฮร์รี่ เคน ไปยัง บาเยิร์น มิวนิค การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสูญเสียผู้เล่นคนสำคัญ แต่ยังหมายถึงการมอบภาระให้กับซอนในการนำทีมไปสู่ความสำเร็จใหม่ในฤดูกาลนี้
ซอน วัย 31 ปี ซึ่งเป็นดาวเตะทีมชาติเกาหลีใต้ กล่าวว่า “ผมคิดว่าทุกคนในทีมอยากจะก้าวขึ้นมาแทนที่ แฮร์รี่ หลังจากที่เขาย้ายออกไป นี่เป็นสิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องทำ” เขายกย่องเคนว่าเป็นนักเตะที่มีฟอร์มยอดเยี่ยมในอดีต ด้วยการทำประตูรวมถึง 30 ลูกในแต่ละฤดูกาล ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าใครจะสามารถรักษาสถิติอันยอดเยี่ยมนี้ได้เหมือนกับเคน
“ผมชอบความท้าทายแบบนี้นะ เพราะเมื่อคุณได้เล่นในพรีเมียร์ลีก คุณต้องเผชิญความกดดัน เพื่อที่จะได้พัฒนาตัวเองขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น” ซอน กล่าวยืนยันถึงความตั้งใจที่จะเผชิญกับความท้าทายนี้อย่างเต็มที่
ตั้งแต่ย้ายจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เข้ามาอยู่กับสเปอร์ส เมื่อปี 2015 ซอนได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเขาในแนวรุก โดยเขาได้ลงเล่นรวม 402 นัดในทุกถ้วยและยิงได้ถึง 160 ประตู ซึ่งทำให้เขากลายเป็นกำลังหลักที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ปัจจุบันเขายังมีสัญญาในถิ่นท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม จนถึงปี 2025 โดยมีมูลค่าตัวประมาณ 50 ล้านปอนด์
การสูญเสียเคน ที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรย่อมส่งผลกระทบต่อเกมรุกของสเปอร์สอย่างชัดเจน ซอนจะต้องแบกรับความกดดันในฐานะตัวความหวังหลักคนใหม่แทนที่รุ่นพี่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ด้วยประสบการณ์และฝีเท้าระดับพระกาฬที่เขามี น่าจะช่วยให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในแดนหน้าได้อย่างไม่ยากเย็น
แม้ว่าอาจจะไม่สามารถทำสถิติยิงประตูได้เทียบเท่าเคน แต่หากซอนยิงได้มากพอและนำพาสเปอร์สไปสู่ความสำเร็จได้ เขาก็จะทำหน้าที่ได้ดีอย่างแน่นอน นอกจากนี้ บอร์ดบริหารของสเปอร์สจำเป็นต้องเร่งหาตัวแทนของเคนเข้ามาเสริมทัพในแนวรุกด้วย เพื่อแบ่งเบาภาระของซอน ไม่ให้ต้องแบกทีมไว้คนเดียว เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น อาจส่งผลเสียต่อผลงานโดยรวมของทีมในระยะยาว
หากซอนสามารถเอาชนะความกดดัน ปรับตัวเข้ากับบทบาทใหม่ และรักษามาตรฐานการเล่นไว้ได้ เขามีสิทธิ์ที่จะก้าวขึ้นไปเป็นสุดยอดดาวยิงคนใหม่ของสเปอร์ส และยังจะกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลที่พร้อมสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ที่ทีมต้องการผู้นำที่แข็งแกร่งในการต่อสู้เพื่อเกียรติยศในพรีเมียร์ลีกและรายการอื่น ๆ ที่จะมาถึง